ปธ.เป้ เฉียดขโมยซีน,เมสซี่ ยิ่งใหญ่สมการ คอย! 5 ประเด็น อาร์เจนฯ เชือดหวิว ประเทศฝรั่งเศส นัดชิง บอลโลก
ใครเขียนบทฉากจบ บอลโลก 2022 ก็ไม่อาจรู้ได้ แต่บอกเลยว่าโรคจิตดีแท้ เพราะ อาร์เจนติน่า ส่อแววคว้า แชมป์โลก ได้แบบปลอกกล้วยเห็น ๆ หลังโชว์ความเหนือชั้นนำหน้า ฝรั่งเศส ไปก่อนถึง 2-0 ใน 45 นาทีแรกของการ ฟาดแข้งนัดชิงชนะเลิศเมื่อวันอาทิตย์ที่ 18 ธ.ค.
แต่จนแล้ว จนรอด เกมกลับต้องล่วงเข้าสู่ ช่วงต่อเวลาพิเศษจากการสำแดงเดชของ คิลิยัน เอ็มบัปเป้ ก่อนที่ฟ้าจะประทานโทรฟี่ หลักฐานให้กับ ลิโอเนล เมสซี่ ราวกับที่แฟนบอลส่วนใหญ่ เอาใจช่วยให้ยอดกองหน้าสมหวังก่อนอำลา
การรับใช้ชาติอย่างสมบูรณ์แบบโดยทีม ฟ้าขาว เฉือนเอาชนะ แชมป์เก่า ลงได้จากการดวลลูกโทษตัดสิน
1.ชิรูด์ ยังอยู่ น้ำหอมได้สองตัวหลักคัมแบ็ค
ดิดิเยร์ เดส์ชองส์ กุนซือทีมชาติ ฝรั่งเศส สามารถจัด 11 ตัวแรกลงป้องกันโทรฟี่ได้ตามที่เขาต้องการด้วยเหตุว่า ดาโยต์ อูปาเมกาโน่ กับ อาเดรียง สองขุนพลคู่ใจหายป่วยกลับมาลงบู๊เป็นตัวจริงได้
รวมแล้ว ทีมตราไก่ปรับโผสองราย รวมทั้งทำให้ อิบราฮิม่า โกนาเต้ กับ ยุสซุฟ โฟฟาน่า หล่นไปนั่งข้างสนามดังเดิม
อย่างไรก็ดี โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ที่มีข่าวเจ็บเข่าขณะฝึก รวมทั้งส่อหลุดโผตัวจริงยังลงสนามให้ เลส์ เบลอส์ ได้ตามปกติ
2.ฟ้าขาว เดิมพันกับ ดิ มาเรีย
นับเป็นเรื่องช็อกเล็ก ๆ ที่ ลิโอเนล สกาโลนี่ ผู้จัดการทีมทีมชาติ อาร์เจนติน่า ส่ง อังเคล ดิ มาเรีย กลับมาเป็นตัวจริงอย่างไม่น่าไว้วางใจซึ่งเป็นเกมแรกที่ปีกร่างบางได้ออกสตาร์ตนับตั้งแต่พ้นรอบแบ่งกลุ่ม
อย่างไรก็ดี ทีมฟ้าขาวสลับให้ มาร์กอส อคุนญ่า นั่งข้างสนามโดยส่ง นิโกลัส ตายาฟิโก้ ลงบู๊เป็นตัวจริงอันเป็นการปรับทีมเพียงแค่ตำแหน่งเดียวจากเกมยำใหญ่ โครเอเชีย 3-0 ในรอบตัดเชือก
สำหรับ ลิซานโดร มาร์ติเนซ ปราการหลัง แมนฯ ยูไนเต็ด ที่มีข่าวซุบซิบว่าจะได้ลงเล่นเป็นตัวจริงภายใต้ระบบแบ็คโฟร์ยังต้องนั่งเป็นตัวสำรอง
3.ร่วมสร้างสถิติก่อนห้ำหั่น
จากการเผยรายชื่อนักฟุตบอลของทั้งสองฝ่าย หมายความว่า อูโก้ โยริส นายทวารทีมชาติ ฝรั่งเศส กลายเป็นมือกาวคนแรกที่ลงเล่นในเกม ฟุตบอลโลก ถึงหลัก 20 นัด
ขณะเดียวกัน ลิโอเนล เมสซี่ ดาวยิงทีมชาติ อาร์เจนติน่า ก็สร้างสถิติลงเล่นเกม บอลโลก มากที่สุดตลอดกาล 26 นัด แซงหน้า โลธาร์ มัทเธอุส ตำนานทีมชาติ เยอรมัน เป็นผลสำเร็จ
26 ลิโอเนล เมสซี่
25 โลธาร์ มัทเธอุส
24 มิโรสลาฟ โคลเซ่
23 เปาโล มัลดินี่
22 คริสเตียโน่ โรนัลโด้

4.ครึ่งแรกที่แสนห่างชั้น
อาจเป็นนัดชิงแชมป์ ฟุตบอลโลก ที่ห่างชั้นกันมากที่สุด ก็ว่าได้เนื่องมาจาก อาร์เจนติน่า เช็คบิลไวนำไปก่อนถึง 2-0 ในครึ่งแรก และส่งผลให้ ฝรั่งเศส ซึ่งมักมีผลงานดีหากขึ้นนำคู่แข่งก่อนแล้วจึงอาศัยเกม รับที่เหนียวแน่นคว้าผลราวกับหลายเกมที่ผ่านมาจำต้องลำบากหนัก
รวมทั้งจากที่ได้มองเห็นเป็นทีม ฟ้าขาว ที่สนุกอยู่ข้างเดียวกับการทำเกมรุกใส่ทีม เลส์ เบลอส์ จากสถิติการครองบอล ที่เหนือกว่า 59:41% แถมได้ส่องยิง 6 ครั้งซึ่งเป็นการส่งบอลเข้ากรอบ 3 ครั้ง ขณะที่ แชมป์เก่า ไม่ได้ง้าง ยิงเลยถึงแม้แต่ทีเดียว
เพราะฉะนั้นแล้ว จึงต้องยกนิ้วให้กับ สกาโลนี่ ที่เก็บ ดิ มาเรีย เอาไว้เป็นทีเด็ดอยู่นาน ก่อนปล่อยให้ปีกทีม ยูเวนตุส ลงไปปล่อยของใน เกมสำคัญ ทั้งยังทำให้ทีมได้ลูกโทษนำเร็ว และยิงเม็ดสองปิดเกมในครึ่งแรกได้สำเร็จจนถึงทำเอา เดส์ชองส์ อยู่เฉยไม่ได้ต้องเปลี่ยนสองตัวรุกลงบู๊ทันทีก่อนที่เกมในครึ่งแรกจะจบลงโดยมี มาร์คุส ตูราม กับ แรนดัล โคโล่ มูอานี่ ได้ลงเล่นแทน ชิรูด์ กับ อุสมาน เด็มเบเล่ ที่ทำให้ทีมเสียลูกโทษกระทั่งแผนการล่นต้องพังครืนตั้งแต่หัววัน
สำหรับ เมสซี่ ซึ่งกดลูกโทษไม่พลาดทำให้ตัวเองเป็นนักฟุตบอลคนแรกที่ สอยตาข่ายได้ในเกม ฟุตบอลโลก ทัวร์นาเมนต์เดียวกันอีกทั้งในรอบแบ่งกลุ่ม , รอบ 16 ทีม , รอบแปดทีม ,รอบตัดเชือก และนัดชิงชนะเลิศ ทั้งนำเป็นดาวซัลโวสูงสูดของทัวร์นาเมนต์ 6 ประตูด้วย
ต่อประตูที่นำหน้า ฝรั่งเศส 1-0 นับเป็นการมี ส่วนร่วมกับประตูในศึก ฟุตบอลโลก ทุกสมัยมากที่สุดเหนือนักฟุตบอลทุกรายของ เมสซี่ เช่นกันรวม 20 ประตู ซึ่งแบ่งเป็นการยิงได้ 12 ประตู รวมทั้ง 8 แอสซิสต์ นับตั้งแต่มีระบบ จดบันทึกสถิติเมื่อปี 1966 ฯลฯมา
นอกนั้น ยังมีการเผยผลงานของกัปตัน อาร์เจนไตน์ ในครึ่งแรกออกมาเหมือนกัน
22 ผ่านบอล
34 สัมผัสบอล
1ประตู
1เข้าปะทะ
1สับไก
5.ปธ.เป้ คายพิษสง / อนาคต เดส์ชองส์?
เข้าครึ่งหลัง เกมยังเป็นของ อาร์เจนติน่า ดังเดิม ขาดก็แต่ประตูหนีห่าง ออกไปอีก แล้วก็กว่าที่ทีมเมืองน้ำหอม จะมีโอกาสสับไกคราวแรกก็ต้องรออยู่นานจนถึงนาทีที่ 70 แต่ คิลิยัน เอ็มบัปเป้ ซัดโด่งข้ามคานไม่มีลุ้น รวมทั้งไม่จำเป็นต้องที่ เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ จะต้องออกแรงปัดป้อง
อย่างไรก็ดี นับจากนั้นมันเป็นเสมือนการจุดประกาย การนับหนึ่งให้ แชมป์เก่า พยายามพยายามหาโอกาสของตนเองถัดไป และก็ประสบความสำเร็จกระทั่งได้เมื่อ นิโกลัส โอตาเมนดี้ ทำฟาวล์ มูอานี่ กระทั่งเสียลูกโทษ และก็เป็น เอ็มบัปเป้ ที่จัดการไม่พลาดให้ ฝรั่งเศส ไล่ตาม 2-1 โดยเป็นการยิงประตูใน ฟุตบอลโลก ทีนี้ 6 ประตูเท่ากับ เมสซี่
เท่านั้นไม่พอ อีกพักเดียว เมสซี่ ก็มีส่วนเกี่ยวข้องทำให้ทีมตราไก่ได้ประตูตีเสมอ 2-2 อย่างน่าช็อกเมื่อเสียการครองบอลให้กับ คิงส์ลีย์ โกมัน ก่อนที่ ตูราม จะจ่ายคืนให้ เอ็มบัปเป้ เอี้ยว ตัววอลเลย์เข้าประตูจนกระทั่งเอาสาวก ฟ้าขาว ตาไม่กะพริบ และทำให้สตาร์ทีม ปารีส แซงต์ แชร์กแมง นำหน้าเป็นดาวซัลโว แต่เพียงผู้เดียว 7 ประตูจาก 7 เกม
หลังใช้เวลาเพียงแค่ 97 วินาที สองประตู เอ็มบัปเป้ ก็เลยกลายเป็นนักเตะคนแรก ที่ซัดได้สองตุงในเกมชิงดำ ฟุตบอลโลก ต่อจากที่ โรนัลโด้ ทำได้ด้วยการพา บราซิล สยบ เยอรมัน 2-0 ในปี 2002
ถึงที่ตรงนี้ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า โมเมนตัมเปลี่ยนมาเป็นของทีมจาก ยุโรปเต็มตัวแล้ว แต่หลังครบ 90 นาที อาร์เจนติน่า ชิงนำอีกหนจากประตูของ เมสซี่ ซึ่งน่าจะเป็นประตูชัยของ อาร์เจนติน่า อย่างที่สุด
แต่ก่อนหมด ช่วงต่อเวลาพิเศษไม่กี่อึดใจ เอ็มบัปเป้ ทำให้ ฝรั่งเศส ได้ลูกโทษ และเจ้าตัวสังหารไม่พลาดทำแฮททริคได้สำเร็จพร้อมเปลี่ยนสกอร์เป็น 3-3 นำเป็นดาวซัลโวอีกรอบ 8 ประตู
อย่างไรเสีย สุดท้ายแล้วเสมือนมีการเขียนสคริปต์ ให้มันเป็นนัดชิงชนะเลิศของ เมสซี่ เนื่องจากว่าในช่วงดวลลูกโทษ ทีม ฟ้าขาว เอาชนะ ฝรั่งเศส ได้สำเร็จแม้ เอ็มบัปเป้ จะยิงให้ทีม เลส์ เบลอส์ นำหน้าก่อนก็ตามซึ่งเป็นการบอกลาทีมชาติที่ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริงสำหรับยอดกองหน้าละติน
ขณะเดียวกัน หลังประสบกับความแพ้ อนาคตของ เดส์ชองส์ จะเป็นอย่างไรก็เป็นเรื่องที่น่าลุ้นเนื่องจากว่ามีความเป็นไปได้สูง ที่เขาจะต้องก้าวลงจากตำแหน่งโดยที่ว่ากันว่า ซีเนดีน ซีดาน ตำนานอีกรายของทีมชาติ ฝรั่งเศส พร้อมขันอาสาจับบังเหียนทีมตราไก่หลังจากเขาเฝ้ารอโอกาสนี้มาระยะหนึ่งแล้ว
สำหรับ เมสซี่ หลังคว้าแชมป์ บอลโลก ได้เสร็จสมอารมณ์หมายก็มีการเผยสถิติส่วนตัวของเขาในเกมสยบ ฝรั่งเศส ออกมาดังต่อไปนี้
85 สัมผัสบอล
2 ประตู
5 ง้างยิง/4เข้ากรอบ
1สร้างโอกาสครั้งสำคัญ
3 ผ่านบอลจังหวะเด็ดขาด
47/54 ความแม่นยำในการผ่านบอล
1 ประตูในการดวลลูกโทษ
ขณะเดียวกัน รวมแล้ว เมสซี่ สอยตาข่ายในรายการเมเจอร์ให้กับ อาร์เจนติน่า ไปทั้งสิ้น 26 ประตู แซงนำ โรนัลโด้ อดีตกองหน้าทีมชาติ บราซิล หนึ่งประตู (13 ประตูใน ฟุตบอลโลก รวมทั้ง 13 ประตูใน โกปา อเมริกา) เหนือกว่าพ่อค้าแข้งละตินทุกรายที่ผ่านการลงบู๊ในสองรายการใหญ่